การใช้ยา
Liraglutide ในการลดความอ้วน
พญ.ศิวภรณ์
มโนมัยสันติภาพ
รศ.ดร.พญ.วรรณรัศมี
เกตุชาติ
ภาควิชาเภสัชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบัน โรคอ้วนและโรคเบาหวานชนิดที่
2 เป็นปัญหาสุขภาพในระดับโลก โดยองค์การอนามัยโลกได้เก็บข้อมูลตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1975 จนถึง ค.ศ. 2016
พบว่าจำนวนผู้มีโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า หรือประมาณ
650 ล้านคนทั่วโลก และ International Diabetes Federation
(IDF) ได้คาดคะเนไว้ว่าปี 2019
ในคนอายุระหว่าง 20-79 ปี ทุกๆ 11 คนจะพบผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
1 คน
ในปี ค.ศ. 1973 ได้มีการนิยามศัพท์ โรคเบาหวานที่เกิดร่วมกับโรคอ้วนว่า diabesity
(diabetes + obesity) เนื่องจากทั้ง 2 โรคมีความเกี่ยวข้องกันในทางพยาธิสภาพของการเกิดโรค
โดยส่งผลให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน และการควบคุมระดับน้ำตาลแย่ลง ในปัจจุบันยาลดระดับน้ำตาลซึ่งเป็นการรักษามาตรฐานของโรคเบาหวานหลายชนิด
ได้แก่ sulfonylureas, thiazolidinediones และ
insulin ต่างก็มีผลข้างเคียงคือทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
Liraglutide
เป็นยาลดระดับน้ำตาลในเลือดในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists ที่มีฤทธิ์ช่วยในการลดน้ำหนัก
บริหารยาโดยการฉีดเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนัง Liraglutide ในขนาดต่ำ
(1.2 or 1.8 mg/day) ได้รับการรับรองให้ใช้ในทางการแพทย์สำหรับรักษาเบาหวาน
ในปี ค.ศ.2010 และขนาดสูง (3.0 mg/day)
ได้รับการรับรองโดย FDA ให้ใช้เป็นยาสำหรับลดน้ำหนักในปี
ค.ศ.2014
กลไกการออกฤทธิ์
GLP-1
เป็นฮอร์โมนกลุ่ม incretins (ฮอร์โมนในทางเดินอาหาร) หลั่งจาก L cell ในลำไส้เล็กบริเวณ distal
ileum และ proximal colon หลังการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต
และมีระดับฮอร์โมนต่ำลงในช่วงอดอาหาร เมื่อ GLP-1
จับกับตัวรับที่ beta-cells ในตับอ่อน
จะเพิ่มการสร้างอินซูลิน และยับยั้งการหลั่งกลูคากอน นอกจากนี้ยังทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้าลง
และจับกับตัวรับในสมองส่วนไฮโปทาลามัสส่งผลให้ความอยากอาหาร และยังพบว่า
GLP-1 มีฤทธิ์ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองซึ่งผลต่อเนื่องมาจากการลดภาวะความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงได้อีกด้วย
ฤทธิ์ในการควบคุมน้ำหนัก
หลักสำคัญของการลดน้ำหนัก คือ การเพิ่มกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายและลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน
โดยแพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาลดน้ำหนักในผู้ป่วยที่ปรับเปลี่ยนการกินอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมแล้วยังไม่สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย
รวมกับมีข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้
1.
ดัชนีมวลกาย 30 kg/m2
2.
ดัชนีมวลกาย 27 kg/ m2 ร่วมกับมีโรคร่วมที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ยากลุ่ม
GLP-1 receptor agonists สามารถกระตุ้นตัวรับ GLP-1 receptor ในสมองส่วนไฮโปทาลามัสซึ่งควบคุมความอยากอาหาร
ทำให้ออกฤทธิ์ยับยั้งความอยากอาหาร กระตุ้นความรู้สึกอิ่มหลังการทานอาหาร และทำให้ลดปริมาณอาหารที่ทานลงได้
Liraglutide
มีผลวิจัยในหลายการศึกษาพบว่ามีฤทธิ์ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยฤทธิ์ดังกล่าวขึ้นกับระดับยา
(dose-dependent effect)
ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีน้ำหนักตัวเกิน โดยใช้ยาร่วมกับการลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวันประมาณ
500 กิโลแคลอรี่และเพิ่มการออกกำลังกายเป็นระยะเวลา 56 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มผู้ที่ได้รับ Liraglutide
สามารถลดน้ำหนักได้จริง โดยระดับยาที่เห็นผลดีที่สุดในการลดน้ำหนักคือ 3.0
mg
จากการวิจัยทางคลีนิกเมื่อใช้ยา liraglutide ควบคู่กับการปรับพฤติกรรม พบว่านอกจากประโยชน์ในการลดน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้ว
ยังสามารถป้องกันภาวะเบาหวานในผู้ที่มีภาวะอ้วนแต่ยังไม่เป็นเบาหวานจากผลของการลดระดับน้ำตาล
ส่งผลให้ liraglutide เป็นยาชนิดแรกในกลุ่ม GLP-1
receptor agonist ที่ได้ FDA รับรองในปี ค.ศ.
2014 และ EMA ของประเทศในแถบยุโรปในปี ค.ศ.
2015 รับรองให้ใช้เป็นยาลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วนที่ยังไม่เป็นเบาหวาน
ผลข้างเคียง
-
ระบบทางเดินอาหาร
o
อาการคลื่นไส้อาเจียน
ท้องเสียถ่ายเหลว โดยเป็นผลข้างเคียงที่ได้รับการรายงานบ่อยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีการเริ่มหรือปรับเพิ่มขนาดยา
จึงแนะนำให้เริ่มยาในขนาดต่ำ และปรับเพิ่มทีละเล็กน้อย เพื่อลดผลข้างเคียงชนิดนี้
o
ตรวจพบเอนไซม์ตับอ่อนสูงขึ้น
ร่วมกับอาการปวดท้อง ซึ่งทำให้เป็นข้อกังวลถึงภาวะตับอ่อนอักเสบ
ได้มีการศึกษาระดับ meta-analysis ในปี ค.ศ.
2017 ยืนยันว่ายากลุ่ม GLP-1 receptor agonists มีความปลอดภัยเพียงพอ และไม่ได้เพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ
แต่อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม GLP-1 receptor
agonists ในผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนและตับอ่อนอักเสบมาก่อน
o
นิ่วในถุงน้ำดี การศึกษาพบว่า
Liraglutide เพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
จึงเป็นข้อห้ามใช้ยาชนิดนี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติภาวะนิ่วในถุงน้ำดีหรือท่อทางเดินน้ำดีอักเสบ
-
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
o
ยา liraglutide มีความเสี่ยงน้อยในการทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
เนื่องจากยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์กระตุ้นอินซูลินและยับยั้งการหลั่งกลูคากอนเพื่อลดระดับน้ำตาล
เฉพาะในภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดสูง เช่น หลังรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตามหากใช้ยา
Liraglutide ร่วมกับ insulin หรือ
sulfonylurea อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำได้
-
มะเร็งไทรอยด์
o
จากการศึกษาในสัตว์ฟันแทะ
พบวความสัมพันธ์ของยากลุ่ม GLP-1 receptor agonists
ที่ออกฤทธิ์ยาว เช่น Liraglutide กับการเพิ่มจำนวนของเซลล์ไทรอยด์ชนิด
parafollicular C-cell จึงเป็นข้อกังวลว่ายา liraglutide อาจมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งชนิด medullary thyroid
carcinoma แต่ยังไม่พบการเพิ่มจำนวนของเซลล์ดังกล่าวในมนุษย์
เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะในเซลล์ไทรอยด์สัตว์ฟันแทะมีตัวรับ GLP-1 ในปริมาณมากกว่ามนุษย์จึงเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว
o
อย่างไรก็ตามมีข้อแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยา
liraglutide ในผู้มีความเสี่ยงในการเกิด medullary thyroid carcinoma ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดนี้
หรือมีกลุ่มเนื้องอกต่อมไร้ท่อชนิด 2A และ 2B (multiple endocrine neoplasia type 2A and 2B)
-
การทำงานของไต
o
ยา liraglutide มีความปลอดภัยในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีค่าการกรองไตลดลงระดับปานกลาง (eGFR
30-60 mL/min/1.73 m2)
o
ในผู้ป่วยที่มีการลดลงของค่าการกรองไตอย่างรุนแรง
(eGFR
15-30 mL/min/1.73 m2) และผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย (eGFR
<15 mL/min/1.73 m2)
ควรใช้ยาชนิดนี้อย่างระมัดระวังเนื่องจากยังมีข้อมูลการศึกษาน้อย และมีรายงานพบภาวะไตวายเฉียบพลันในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับยา
GLP-1 receptor agonists
ข้อห้ามในการใช้ยา
Liraglutide
· หญิงมีครรภ์
· ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่
1 หรือมีภาวะเลือดเป็นกรด DKA (diabetic ketoacidosis)
ไขมันไตรกรีเซอไรด์สูง
· มีประวัติครอบครัว
หรือเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด medullary thyroid carcinoma หรือมีกลุ่มเนื้องอกต่อมไร้ท่อชนิด 2A และ 2B
· มีประวัติตับอ่อนอักเสบ
นิ่วในถุงน้ำดี หรือถุงน้ำดีอักเสบ
· ผู้ที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง
การซื้อขายยา
Liraglutide เพื่อลดน้ำหนักในประเทศไทยโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
Liraglutide ได้รับการรับรองโดยสำนักคณะกรรมการอาหารและยาในปี ค.ศ. 2018 ในข้อบ่งชี้ให้ใช้เป็นยาลดน้ำหนัก ภายใต้ชื่อ Saxenda® ผลิตโดยบริษัท Novo nordisk
โดยขึ้นทะเบียนเป็นยาอันตราย การใช้ยาชนิดนี้จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ
อย่างไรก็ตามพบว่าในปัจจุบันมีการนำเข้าและจัดจำหน่ายยาผ่านทางคลีนิกความงามและช่องทางออนไลน์
ซึ่งไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่ายา
Liraglutide จะมีความปลอดภัย แต่หากผู้บริโภคได้ยามาใช้เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
อาจไม่ได้รับการประเมินความปลอดภัยและตรวจสุขภาพอย่างถี่ถ้วนก่อนการใช้ยา เช่น
ข้อห้ามในการใช้ในคนตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งไทรอยด์
ตับอ่อนอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี หรือผู้ที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง รวมถึงไม่ได้รับการตรวจติดตามผลเลือดโดยเฉพาะค่าเอนไซม์ตับอ่อน
และการทำงานของไต
ผู้บริโภคอาจปรับขนาดยาไม่ถูกต้อง
ทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง ทนผลข้างเคียงไม่ได้หรือใช้ยาได้ไม่มีประสิทธิภาพ
ไม่สามารถลดน้ำหนักได้จริง เป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากการปรับขนาดยาในการใช้ลดน้ำหนักควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อปรับเพิ่มขนาดยาในระดับที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพของยา ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังผลข้างเคียง
และให้คำแนะนำในการลดน้ำหนักที่ได้ผลคือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน
การลดน้ำหนักที่ถูกต้องได้ผลจริง
และยั่งยืน ยังคงเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
นิสัยการรับประทานอาหารและเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย
การลดความอ้วนด้วยการใช้ยาเพียงอย่างเดียวเป็นวิธีการที่ง่ายและสะดวก แต่อาจไม่ได้ผลในระยะยาว
โดยเมื่อหยุดใช้ยาและยังคงพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบเดิมก็ทำให้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆ
ที่ผู้บริโภคอาจไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องหากซื้อยามาใช้เองผ่านทางร้านค้า เช่น
วิธีการฉีดยา ผลข้างเคียงของการฉีดยาเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
การสังเกตสีและคุณภาพยา การฉีดยาที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้
ดังนั้น การใช้ยาฉีดลดน้ำหนัก liraglutide ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและถูกต้องตามข้อบ่งชี้
เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงจากยา ประเมินผลและติดตามปรับขนาดยา
เพื่อให้ใช้ยาตัวนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเสียน้อยที่สุด
Reference
· Tilinca
MC, Tiuca RA, Burlacu A, Varga A. A 2021 Update on the Use
of Liraglutide in the Modern Treatment of ‘Diabesity’: A Narrative Review.
Medicina. 2021; 57(7):669. https://doi.org/10.3390/medicina57070669
· Mehta
A, Marso SP, Neeland IJ. Liraglutide for weight management: a critical review
of the evidence. Obes Sci Pract. 2017;3(1):3-14.
doi:10.1002/osp4.84
· Suthisisang
C. Pharmacology of Liraglutide 3.0 mg for Obesity Treatment | Latest news for
Doctors, Nurses and Pharmacists | Multidisciplinary. MIMS News.
https://specialty.mims.com/topic/pharmacology-liraglutide-3-mg-obesity-treatment-th.
Published 2020. Accessed September 13, 2021.
No comments:
Post a Comment