Wednesday, September 4, 2019

การใช้ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์ อย่างสมเหตุผล



การใช้ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์ อย่างสมเหตุผล
พญ.อมรรัตน์ นามะสนธิ
ผศ.ดร.พญ.วรรณรัศมี เกตุชาติ
ปัจจุบันพบว่ามีการใช้ทาคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับการรักษาโรคผิวหนังเป็นจำนวนมาก ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบ และลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังได้ดีแต่ก็สามารถก่อให้เกิดผิวหนังบางและสีผิวจางลงได้ ปัจจุบันจึงได้มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อให้ได้ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ในประเทศไทยยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ทำให้พบว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมีการซื้อยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อนำมารักษาโรคผิวหนังเองแบบไม่ถูกกับโรค ไม่ถูกที่ ไม่ถูกขนาด ไม่ถูกระยะเวลาในการใช้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่างๆตามมา
คุณสมบัติ
คอร์ติโคสเตียรอยด์มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ กดระบบภูมิคุ้มกัน ลดการแบ่งตัวของเซลล์ และกระตุ้นการหดตัวของหลอดเลือด นอกจากนี้ยังสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น สีผิวจางลง ขนดก สิวขึ้น หรือกดระบบฮอร์โมนในร่างกาย โดยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จะมีหลายระดับความแรงทำให้ยามีคุณสมบัติดังกล่าวแตกต่างกันออกไป ยิ่งยาที่มีความแรงสูงก็มักจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่มากขึ้น ในปัจจุบันจึงได้มีการวิจัยเพื่อผลิตยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสูงแต่มีผลข้างเคียงน้อย ทั้งนี้การเลือกใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ต้องคำนึงถึง ตำแหน่ง ขนาด และลักษณะของรอยโรค ปริมาณ ความถี่และระยะเวลาในการใช้ยา อายุของผู้ป่วย ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการดูดซึมยาแตกต่างกันออกไป
รูปแบบของยา
ในปัจจุบันพบรูปแบบของยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ได้หลายรูปแบบ เช่น สเปรย์ โลชั่น สารละลาย เจล แชมพู ครีม ขี้ผึ้ง เพื่อให้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับโรค หรือพื้นที่ที่ใช้ทา นอกจากนี้รูปแบบของยายังมีผลต่อประสิทธิภาพของคอร์ติโคสเตียรอยด์
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา
เพื่อใช้ในการต้านการอักเสบของโรคผิวหนัง ลดการแบ่งตัวของผิวหนังและเยื่อเกี่ยวพัน โรคที่ตอบสนองต่อการใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคลมพิษบางชนิดผื่นจากแมลงสัตว์กัดต่อย ไลเคน พลานัส หรือผื่นในโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง เป็นต้น
หลักการในการใช้ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องก่อนการใช้ยา
-เริ่มใช้ยาที่มีความแรงระดับต่ำที่เพียงพอต่อการควบคุมโรค
-หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีความแรงไม่เพียงพอต่อการรักษาโรคเป็นระยะเวลานาน
-เมื่อจำเป็นต้องใช้ยากับผิวหนังในบริเวณกว้างควรใช้ยาที่มีความแรงขนาดต่ำถึงปานกลาง
-โรคที่ตอบสนองต่อคอร์ติโคสเตียรอยด์ได้ดีควรใช้ยาความแรงระดับต่ำ โรคที่ตอบสนองต่อคอร์ติโคสเตียรอยด์ไม่ดีควรเริ่มใช้ยาความแรงระดับปานกลางถึงสูง
-ยาที่มีความแรงระดับปานกลางและสูง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณหน้าหรือขาหนีบและหลีกเลี่ยงการใช้ในทารกและเด็กเล็ก
-ยาที่มีความแรงระดับสูงควรใช้กับผิวที่มีการหนาตัวขึ้น รวมทั้งฝ่ามือและฝ่าเท้า
ผลข้างเคียงของยา
-ผิวหนังบางและฝ่อลง
-สิวสเตียรอยด์
-ขนขึ้นบริเวณที่ใช้
-ผิวหนังสีจางลง
-กระตุ้นรอยโรคที่มีการติดเชื้ออยู่เดิมให้แย่ลง
-ผิวหนังระคายเคืองต่อการแพ้สัมผัส
-ก่อให้เกิดต้อหินในรายที่มีการใช้ยาบริเวณรอบดวงตา
-กดระบบไฮโปทาลามัส-พิทูอิทารี่-อะดรีนัล
-เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดลดการใช้น้ำตาล อาจก่อให้เกิดโรคเบาหวานตามมาได้
ดังนั้นผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์มาใช้เองทั้งนี้เนื่องจากต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายด้านดังที่กล่าวมาข้างต้น และรอยโรคบางชนิดเกิดจากการติดเชื้อ หากใช้ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์จะทำให้อาการแย่ลง ผู้ป่วยจึงควรที่จะปรึกษาแพทย์ในการใช้ยาดังกล่าวเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถูกโรค ถูกระยะเวลา ถูกปริมาณและเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

แหล่งอ้างอิง
(1) ศรีศุภลักษณ์ สิงคาลวณิช, สุวิรากร โอภาสวงศ์, กอบกุล อุณหโชค, พู่กลิ่น ตรีสุโกศล, เพ็ญพรรณ วัฒนไกร และ วรัญญา บุญชัย (2554). แนวทางการใช้ topical steroid. [ออนไลน์] Inderm.go.th. Available at:http://inderm.go.th/…/1530955388a6388ad7_010-Guideline_Topi… [เข้าถึงเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562].
(2) Wolff, K. (n.d.). Fitzpatrick's color atlas and synopsis of clinical dermatology 8th ed. 8th ed. New York: McGraw-Hill Education, pp.2659-2665.
(3) วชิรมน ว, สุชนวาณิช พ. 10+ โรคผิวหนังต้องรู้. กรุงเทพฯ: ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล; 2559.

No comments:

Post a Comment