วัคซีนโรคไข้เลือดออก
พญ.ศิวภรณ์
มโนมัยสันิตภาพ
อ.นพ.นพดล
วัชระชัยสุรพล
ภาควิชาเภสัชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรคไข้เลือดออก
เป็นโรคติดต่อโดยมียุงลายเป็นพาหะ สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่
(Dengue Virus, DENV) ซึ่งอยู่ในวงศ์ Flaviviridae มี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DEN-1, DEN-2, DEN-3 และ DEN-4 การติดเชื้อไข้เลือดออกอาจไม่แสดงอาการ
หรือมีอาการเหมือนไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัวที่สามารถหายได้เอง
ไปจนถึงอาการรุนแรง มีเลือดออก มีภาวะช็อค หรือเสียชีวิตได้
โรคนี้จัดเป็นปัญหาสาธารณสุขในหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น
ข้อมูลโดยสำนักระบาดวิทยาสถานการณ์ไข้เลือดออกในประเทศไทย ในปี 2563 มีรายงานผู้ป่วยทั่วประเทศ
71,292 ราย เสียชีวิต 51 ราย
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสเดงกี่ที่มีประสิทธิภาพ
และการป้องกันโดยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายไม่สามารถลดการติดต่อของโรคได้อย่างมีประสิทธิผลเท่าที่ควร
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันการเกิดโรคที่รุนแรงและเสียชีวิต
ในปัจจุบันมีวัคซีนที่ได้รับใบอนุญาตให้ใช้เพียงชนิดเดียว คือ
Dengvaxia® ส่วนวัคซีนตัวอื่นๆ
ยังอยู่ในขั้นการทดลองและพัฒนา
อุปสรรคสำคัญในการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก
มีหลายปัจจัย ได้แก่
-
พยาธิวิทยาภูมิคุ้มกัน
(immunopathology) ของโรคไข้เลือดออกมีความเฉพาะตัวและซับซ้อน ทำให้การผลิตวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยากกว่าโรคอื่นที่ติดต่อโดยไวรัสในวงศ์
Flaviviridae เหมือนกันที่สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคสำเร็จแล้ว
เช่น โรคไข้สมองอักเสบ (Japanese encephalitis) และไข้เหลือง
(Yellow fever)
-
ไวรัสเดงกี่สามารถติดต่อและก่อโรคได้เฉพาะในคนและลิงบางชนิด
ทำให้ขาดสัตว์ทดลองที่เหมาะสมในขั้นตอนการพัฒนาวัคซีน
-
มีปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหลายอย่างเช่น
อายุ เพศ ปัจจัยทางพันธุกรรม และการที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน ซึ่งยังไม่ได้มีการศึกษาจนเข้าใจถึงปัจจัยที่แน่ชัด
-
แม้ว่าร่างกายมนุษย์สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่จำเพาะต่อเชื้อสายพันธุ์ที่ติดเชื้อในครั้งนั้นๆ
แต่จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่นเพียงระยะเวลาหนึ่งและลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
จึงไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ DENV
สายพันธุ์อื่น เป้าหมายสำคัญจึงเป็นการสร้างวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ (neutralizing
antibodies) ต่อเชื้อ DENV ทุกสายพันธุ์พร้อมๆ
กัน
ภาวะภูมิคุ้มกันในโรคไข้เลือดออก
ไวรัส DENV เป็น single stranded RNA มี 4 สายพันธุ์ที่มีแอนติเจน (antigen) บางชนิดร่วมกัน เมื่อติดไวรัส
DENV เป็นครั้งแรก ร่างกายจะจดจำลักษณะของเชื้อเอาไว้
และสร้างภูมิคุ้มกัน ได้แก่ ภูมิคุ้มกันจำเพาะต่อเชื้อ DENV
ตัวนั้นๆ ซึ่งจะคงอยู่ไปตลอดชีวิต และภูมิคุ้มกันต่อ DENV
สายพันธุ์อื่นที่จะอยู่เพียงชั่วคราว การศึกษาในปัจจุบันพบว่าภูมิคุ้มกันต่อ DENV ชนิดอื่นอาจคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
เมื่อมีการติดเชื้อ
DENV สายพันธุ์อื่นภายหลังจากการติดเชื้อครั้งแรก เนื่องจากแอนติเจนที่เหมือนกันของ
DENV แต่ละสายพันธุ์ ทำให้ร่างกายถูกการกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันที่เคยจดจำ
DENV ชนิดแรก ซึ่งภูมิคุ้มกันดังกล่าวไม่สามารถจับทำลายเชื้อ
DENV ชนิดใหม่ได้ดีเท่าที่ควร และยังส่งเสริมการติดเชื้อได้มากขึ้น จากการกระบวนการ
Antibody-dependent enhancement กระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่างๆ
อันนำไปสู่ภาวะโรคไข้เลือดออกที่รุงแรง เป็นสาเหตุที่โรคไข้เลือดออกมักจะมีอาการรุนแรงในการติดเชื้อครั้งที่
2 โดยเฉพาะหลังจากที่ภูมิคุ้มกันต่อชนิดอื่นที่ร่างกายเคยสร้างไว้ลดต่ำลง
นอกจากนี้ระยะห่างระหว่างการติดเชื้อครั้งแรกและครั้งที่ 2
ที่ยาวนานขึ้นก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคไข้เลือดออกรุนแรงเช่นกัน
เป้าหมายของการพัฒนาวัคซีนจึงเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อ
DENV ทั้ง 4 สายพันธุ์ได้พร้อมๆ กัน
ความเข้าใจกลไกทางพยาธิวิทยาภูมิคุ้มกันที่ซับซ้อนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก
วัคซีนที่ได้รับใบอนุญาต
Dengvaxia®
(CYD-TDV) พัฒนาโดยบริษัท Sanofi Pasteur
เป็นวัคซีนชนิดแรกและชนิดเดียวที่ได้รับใบอนุญาตในปัจจุบัน เป็นชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์
(live attenuated) พัฒนาโดยการผสมสารพันธุกรรม (chimeric) โดยใช้สารพันธุกรรมของไวรัสไข้เหลือง (yellow fever) เป็นแกน (backbone)
แล้วตัดต่อใส่สารพันธุกรรมของไวรัสเดงกี่ทั้ง 4 serotypes
เข้าไป
วัคซีนชนิดนี้แนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ที่มีอายุ
9-45 ปี มีประวัติเคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน หากไม่มีประวัติ
ต้องทำการตรวจภูมิยืนยันก่อนว่าเคยติดเชื้อไข้เลือดออก (seropositive) ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันเข็มละ 6 เดือน (0, 6, 12 เดือน) วัคซีนชนิดนี้ช่วยป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกรุนแรง
ช่วยลดอัตราการนอนโรงพยาบาล และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกได้
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่า
ประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้ในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเดงกี่แต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน
โดยจากข้อมูลการศึกษาในการทดลงทางคลินิกระยะที่ 3 รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจาก 2 การศึกษาได้แก่ ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกและอีกการศึกษาในแถบละตินอเมริกา
พบว่าวัคซีน Dengvaxia® มีประสิทธิภาพร้อยละ 54.7,
71.6 และ 76.9 ต่อเชื้อ DENV1, DENV3 และ DENV4 ตามลำดับ แต่สำหรับ DENV2 พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพเพียงร้อยละ 43 และการฉีดวัคซีนชนิดนี้ในกลุ่มคนที่ไม่เคยมีภูมิต้านทานต่อไข้เลือดออก
(seronegative) อาจเพิ่มโอกาสการเกิดโรคไข้เลือดออกชนิดรุนแรง
ทำให้มีความจำเป็นในการศึกษาวิจัยเพื่อหาวัคซีนไข้เลือดออกชนิดอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้นกับทุกสายพันธุ์และปราศจากข้อจำกัดดังกล่าวข้างต้น
วัคซีนไข้เลือดออกที่อยู่ในการทดลองทางคลินิกระยะที่
3 (Phase III)
วัคซีนไข้เลือดออกที่อยู่ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 มี 2 ชนิด ได้แก่
1. TV003/TV005 พัฒนาโดย The National Institute of Allergy and Infectious Diseases (NIAID/NIH) โดย
TV003 ประกอบด้วยเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ของไวรัสเดงกี่ 4 ชนิด ส่วน TV005 มีลักษณะคล้ายกับ TV003 เพียงแต่มีปริมาณส่วนประกอบของ DENV2 ที่สูงกว่า
ซึ่งผลการศึกษาพบว่าวัคซีนตัวนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อ DENV ทุก serotype ได้สูงที่สุดตั้งแต่การฉีดครั้งแรก
2. TDV หรืออีกชื่อคือ DENVax/TAK003
เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ พัฒนาโดย Takeda/Inviragen ผลิตจาก
แกน DENV2 PDK53 ผสมด้วย E proteins
ของ DENV1, 3 และ 4 ก็พบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อ
DENV ทุกชนิดได้ดีเช่นกัน
วัคซีนไข้เลือดออกที่อยู่ในการทดลองทางคลินิกระยะอื่นๆ
(Phase
II, I และ preclinical)
1. TDEN-LAV เป็นวัคซีนเชื้อเป็นชนิดอ่อนฤทธิ์ พัฒนาโดยการเพาะเลี้ยงไวรัสเดงกี่ทั้ง
4 serotypes ผ่านทางเซลล์ไตของสุนัข (primary
dog kidney, PDK) และเซลล์ปอดของตัวอ่อนลิง (fetal rhesus
lung cells, FRhL) หลายครั้ง เพื่อให้เชื้ออ่อนฤทธิ์ลง วัคซีน
TDEN-LAV ผลิตมาใน 2 รูปแบบคือ F17 และ F19 วัคซีนตัวนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิกระยะที่
2
2. TDEN-PIV เป็นวัคซีนชนิดเชื้ออตายโดยผ่านฟอร์มาลิน (purified formalin) ได้รับการศึกษาในระยะการทดลองทางคลินิกที่ 1
เป็นผลสำเร็จและกำลังจะเข้าสู่การทดลองในระยะถัดไป
3. D1ME100/TVDV เป็น DNA
vaccine ประกอบไปด้วย plasmid 4
แบบที่ได้รับการตัดต่อสารพันธุกรรมของ DENV
แต่ละสายพันธุ์ลงไป วัคซีนชนิดนี้ กำลังอยู่ในระยะการทดลองทางคลีนิกที่ 1 โดยทดลองในกลุ่มอาสาสมัครที่ไม่เคยติดเชื้อเดงกี่
และตรวจการสร้างภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัยหลังได้รับวัคซีนครบ 3 โดส ข้อดีของ DNA
วัคซีนคือสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้โดยใช้ antigens
ที่เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติ แต่ไม่เกิดการแบ่งตัวหรือแพร่กระจายของเชื้อก่อโรค
4. V-180 เป็นวัคซีนที่กำลังศึกษาในระยะการทดลองทางคลีนิกที่ 1 เช่นกัน ตัววัคซีนเป็นโปรตีนห่อหุ้มที่บรรจุ N-terminal ของ envelope protein (DEV-80E) ของไวรัสเดงกี่ทั้ง 4 สายพันธุ์
นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอื่นๆ อีกหลายตัวที่กำลังอยู่ในช่วงการทดลองระยะ
preclinical phase ในหนูและลิง
โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ
ประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในเขตร้อนก็มีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเป็นประจำ นอกเหนือไปจากการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและป้องกันตัวไม่ให้โดนยุงกัด
วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกก็เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าสำคัญทางการแพทย์
แม้ว่าวัคซีนที่ได้รับใบอนุญาตเพียงตัวเดียวในปัจจุบันจะมีข้อจำกัดบางประการ
แต่นักวิจัยก็ยังคงพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ๆ อีกหลายตัว
ที่อาจประสบผลสำเร็จและเป็นวัคซีนที่สามารถช่วยลดภาระโรคลงได้
ตารางสรุปข้อมูลวัคซีน
ประเภท |
ชื่อ |
วิธีการผลิต |
ผู้พัฒนา |
ระยะการทดลองทางคลีนิก |
Live
attenuated chimera |
CYD-TDV,
(Dengvaxia®) |
Yellow fever
17D strain virus backbone chimerized with prM and E proteins from DENV 4
serotypes |
Sanofi
Pasteur |
Licensed 2015 |
TV003/TV005 |
TV003: 103
PFU of each four dengue serotypes TV005:
identical to TV003 with 104 PFU of DENV2 |
NIAID/NIH |
Phase III |
|
TDV (DenVax) |
Whole DENV2
PDK53 backbone chimerized with prM and E proteins of DenV1,3 and 4 serotype |
Takeda/Inviragen |
Phase III |
|
TDEN-LAV |
Serial
passage of 4 DENV in PDK and fetal rhesus lung cells |
WRAIR/GSK |
Phase II |
|
Inactivated |
TDEN-PIV |
Formalin-inactivated
tetravalent DENV |
WRAIR/GSK |
Phase I |
DNA vaccine |
D1ME100/TVDV |
four
plasmids, each one encoding prM and E genes of one DENV serotype. |
NMRC |
Phase I |
Subunit
vaccine |
V-180 |
Envelope
protein contain 80% of the N-terminal of the envelope protein (DEV-80E) for
all four DENV serotypes with ISCOMATRIXTM adjuvant |
Hawaii
Biotech Inc. and Merck |
Phase I |
Reference
1. Swaminathan S, Khanna N. Dengue vaccine
development: Global and Indian scenarios. Int J Infect Dis. 2019 Jul;84S:S80-S86. doi: 10.1016/j.ijid.2019.01.029. Epub 2019 Jan 23. PMID: 30684747.
2. Prompetchara E, Ketloy C, Thomas SJ, Ruxrungtham
K. Dengue vaccine: Global development update. Asian Pac J Allergy Immunol. 2020 Sep;38(3):178-185. doi: 10.12932/AP-100518-0309. PMID: 30660171.
3. Thomas SJ, Yoon IK. A review of Dengvaxia®:
development to deployment. Hum Vaccin Immunother. 2019;15(10):2295-2314. doi:
10.1080/21645515.2019.1658503. Epub 2019 Oct 7. PMID: 31589551; PMCID:
PMC6816420.
4. Torresi J, Ebert G, Pellegrini M. Vaccines
licensed and in clinical trials for the prevention of dengue. Hum Vaccin
Immunother. 2017 May 4;13(5):1059-1072.
doi: 10.1080/21645515.2016.1261770. Epub 2017 Feb 14. PMID: 28281864;
PMCID: PMC5443395.
5. Izmirly AM, Alturki SO, Alturki SO, Connors J,
Haddad EK. Challenges in Dengue Vaccines Development: Pre-existing Infections
and Cross-Reactivity. Front Immunol. 2020 Jun 16;11:1055. doi:10.3389/fimmu.2020.01055. PMID: 32655548; PMCID: PMC7325873.
6. Rama.mahidol.ac.th. 2021. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
(Dengue Vaccine) | คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล. [online] Available at:
<https://www.rama.mahidol.ac.th/rama_hospital/th/services/knowledge/03182020-1459>
[Accessed 25 March 2021].
7. Outbreak News Today. 2021. Thailand
reports 71,000 dengue cases in 2020 - Outbreak News Today. [online] Available at:
<http://outbreaknewstoday.com/thailand-reports-71000-dengue-cases-in-2020/> [Accessed 21 April 2021].
No comments:
Post a Comment